A/B Testing กลยุทธ์ปั้น Facebook Ads ให้โดนใจลูกค้า
สำหรับการยิงแอดโฆษณาบนโซเชียลมีเดียอย่าง Facebook การทำ ‘A/B Testing’ กลายเป็นหนึ่งในกลยุทธ์ที่มีประสิทธิภาพสำหรับการปั้นโฆษณา ทั้งนี้เพราะ A/B Testing จะช่วยให้เหล่านักการตลาดสามารถเปรียบเทียบผลลัพธ์ของ Ads ได้ว่าแอดแบบไหนที่โดนใจลูกค้ามากที่สุด
เจาะลึก A/B Testing Ads คืออะไร?
A/B Testing คือ การทำ test เพื่อทดสอบแคมเปญหรือชุดโฆษณาบน Facebook ระหว่าง 2 ตัวขึ้นไป (สมมุติว่าแบบที่ 1 คือ A และแบบที่ 2 คือ B) ทั้งสองเป็นชุดโฆษณาที่มีการตั้งค่ากลุ่มเป้าหมายที่ต่างกัน มีรายละเอียดบนภาพที่ต่างกันไม่ว่าจะเป็น รูปภาพ ข้อความ องค์ประกอบ ตำแหน่ง หรือแม้แต่ปุ่ม CTA (Call To Action) ซึ่งการทำ A/B testing จะช่วยให้คุณรู้แอดโฆษณาแบบไหนมีการตอบรับที่ดีกว่า เพื่อจะนำไปวัดผลและปรับปรุงให้ดียิ่งขึ้น
ตัวแปรอะไรบ้างที่สามารถชี้วัดการทำ A/B Testing บน Facebook ได้
- ความครีเอท (รูปภาพ วิดีโอ โทนสี ฯลฯ)
- ข้อความที่ใช้สื่อสาร (ขายของ, ช่วยแก้ปัญหา, ขยี้ Pain Point)
- ตำแหน่งการจัดวางองค์ประกอบ
- กลุ่มเป้าหมาย (เพศ อายุ สถานที่ ความสนใจ ฯลฯ)
- Landing Page
เคล็ดลับที่จะช่วยให้การทำ A/B Testing ประสบความสำเร็จมากขึ้น
-
กำหนดเป้าหมายให้ชัด
ก่อนเริ่ม A/B Testing ควรกำหนดเป้าหมายให้ชัดว่าต้องการวัดผลอะไร เช่น Conversion Rate, Click-through Rate, หรือ Engagement เป็นต้น
-
เลือกตัวแปรเพื่อทดสอบ
ทาง Meta แนะนำให้เราเลือกทดสอบเพียงครั้งละหนึ่งตัวแปรเท่านั้น เช่นต้องการทดสอบรูปภาพ, ข้อความ, ปุ่ม CTA หรือ Landing Page ก็ควรเลือกอย่างใดอย่างหนึ่งเท่านั้นในแต่ละครั้งที่ต้องการทำ test เพราะจะช่วยให้คุณทราบผลลัพธ์ที่ชัดเจนมากกว่า
-
กำหนดการทดสอบให้รัดกุม
ก่อนที่คุณจะทำการทดสอบควรกำหนดให้ปัจจัยต่าง ๆ รัดกุม อาทิเช่นกลุ่มเป้าหมาย ระยะเวลา และวิธีการวัดผลอย่างละเอียด เพื่อให้ได้ผลลัพธ์ที่น่าเชื่อถือที่สุด
-
สร้างรูปแบบโฆษณาให้มีความแตกต่างอย่างชัดเจน
ชุดโฆษณาที่คุณทำการทดสอบจะต้องมีความแตกต่างอย่างชัดเจนเช่น อายุ อาจจะกำหนดช่วงอายุ Ad (A) ไว้ที่ 15-20 ปี และ Ad (B) เป็นช่วงอายุ 27-35 ปี หรีอรูปแบบการดีไซน์ การใช้โทนสีที่ต่า่งกันไปเลยระหว่างโทนร้อนและโทนเย็น เป็นต้น
ผลลัพธ์การยิง Ads ที่คุณสามารถดูได้บน Chatcone
ปัจจุบันถ้ามีลูกค้าติดต่อมาจาก Ads ที่เราทำการโปรโมตไป ระบบของ Chatcone จะโชว์ Reply From Ad พร้อมระบุวันที่, เวลา, หมายเลข Ad ID และ Contact name พร้อมจัดเก็บรายชื่อลูกค้าที่ติดต่อเข้ามา ตรงนี้จะสามารถวัดผลได้ว่าแอดของคุณสามารถสร้างยอดขายได้มากน้อยแค่ไหน โดยระบบจะมีให้กรอกจำนวนเงินที่เราปิดการขาย (Close Sales) เพื่อที่จะนำไปคำนวณเป็นค่า ROAS (ยอดขายจากการลงโฆษณา), ROI (กำไรจากการลงทุน), CPC (ต้นทุนต่อคลิก) เพื่อให้ธุรกิจสามารถวัดผลลัพธ์หรือรายได้ที่มาจากการลงโฆษณาได้อย่างละเอียดมากขึ้น
บทสรุป
A/B Testing จะช่วยให้คุณค้นหาคำตอบของสิ่งที่คุณสงสัยได้ ไม่ว่าจะเป็นรูปแบบของ Ads ข้อความ หรือปุ่ม CTA (Call To Action) ว่าแบบไหนที่มีประสิทธิภาพมากที่สุด นอกจากนี้คุณยังสามารถใช้กับงานอื่น ๆ อย่างเว็บไซต์ อีเมล ฯลฯ ซึ่งคำตอบทั้งหมดจะแสดงออกมาเป็นตัวเลขหรือสถิติที่คุณสามารถวัดได้อย่างชัดเจน ซึ่งมันดีกว่ามานั่งเดาใจลูกค้าแน่นอน!
และถ้าหากสนใจวัดประสิทธิภาพ Ads โฆษณา Facebook ผ่าน Chatcone สามารถติดต่อพวกเราได้ผ่าน Line OA (@chatcone) เรายินดีให้คำปรึกษาทุกวัน ตั้งแต่ 9.00 – 21.00 น.